-->

วันเสาร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

Database Design

การออกแบบระบบฐานข้อมูลเป็นอีกจุดสำคัญหนึ่งที่ไม่ควรมองข้าม หากมีการออกแบบฐานข้อมูลที่ดี ก็เป็นเรื่องง่ายในการทำการค้นหาข้อมูล หรือเพิ่ม แก้ไข หรือลบ เนื่องจากรูปแบบของฐานข้อมูลมีหลายรูปแบบ โดยส่วนใหญ่แล้วมักนิยมแบบ Relational Database แต่อาจมีการพิจารณาฐานข้อมูลรูปแบบอื่นเข้าไปตามความเหมาะสมของข้อมูลของเราได้เช่นกัน

การออกแบบฐานข้อมูลมี 4 แบบ
1. Relational       เป็นตารางฐานข้อมูลซึ่งมีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กัน แทนที่จะจัดเก็บข้อมูลทั้งหมดทุกเรื่องไว้ในตารางเดียว (ซึ่งเรียกกันว่า แบบ Flat Database) ให้จัดแบ่งข้อมูลออกเป็นตารางใหม่หลายตารางแยกออกจากกัน โดยมีกำหนดให้แต่ละตารางมี Field ซึ่งเกี่ยวข้องสัมพันธ์กันใช้เป็นตัวอ้างอิงหรือที่เรียกว่า Primary key และ Foreign key นั่นเอง ส่วนใหญ่จะใช้หลักการ Normalization เพื่อสะดวกในการ insert update and delete





2. Hierarchical     เป็นฐานข้อมูลที่นำเสนอข้อมูลและความสัมพันธ์ระหว่างข้อมูลในรูปแบบของโครงสร้างต้นไม้ (tree structure) เป็นโครงสร้างลักษณะคล้ายต้นไม้เป็นลำดับชั้น ซึ่งแตกออกเป็นกิ่งก้านสาขา เพื่อต้องการให้เป็นฐานข้อมูลที่สมารถกำจัดความซ้ำซ้อน (Data Redundancy) โดยใช้แนวความคิดของโปรแกรมที่ชื่อว่า Generalized Update Access Method (GUAM) ซึ่งข้อดีของการออกแบบฐานข้อมูลแบบ Hierarchical คือ มีระบบโครงสร้างซับซ้อนน้อยที่สุด และเข้าใจง่าย เหมาะสำหรับงานที่ต้องการค้นข้อมูลแบบมีเงื่อนไข หรือเรียงลำดับต่อเนื่อง และยังสามารถป้องกันข้อมูลได้ดี เพราะต้องอ่านจาก ข้อมูล ที่root ก่อน






3. Object Oriented DB    ฐานข้อมูลเชิงวัตถุ จัดเก็บทั้งข้อมูลและชุดคำสั่งไว้ด้วยกัน จึงสามารถใช้งานร่วมกันได้โดยอัตโนมัติ ทำให้ฐานข้อมูลชนิดนี้มีประสิทธิภาพในการจัดเก็บและจัดการ แต่มีการนำมาใช้งานน้อยกว่าฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์ เนื่องจากมีความยุ่งยากซับซ้อนมากกว่า




4. Network DB   ข้อมูลในฐานข้อมูลแบบนี้สามารถมีความสัมพันธ์กันแบบใดก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นแบบหนึ่งต่อหนึ่ง หนึ่งต่อกลุ่มหรือกลุ่มต่อกลุ่มโดยโครงสร้างของฐานข้อมูลแบบเครือข่ายก็เป็น Tree เช่นเดียวกับฐานข้อมูลแบบลำดับชั้น แต่จะเป็น Tree ที่ดูซับซ้อนมากขึ้นเพื่อรองรับความสัมพันธ์แบบกลุ่มต่อกลุ่ม



 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น